[Fanfiction] Superbat [Clark kent/Bruce wayne] Feel

ก๊อก ก๊อก
“อัลเฟรด ใครมาน่ะ”

เจ้าของโครงร่างใหญ่ขาวซีดที่อยู่ในชุดสูทที่ค่อนข้างไม่เรียบร้อย ก็นะ นี่มันเวลาเลิกงานแล้วแต่เขายังไม่ได้จะเข้านอน นั้นทำให้บรูซยังคงนั่งทำงานอยู่ในสภาพแบบนี้ หลังจากเขาเอ่ยปากถามไปซักพักก็พลันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้พ่อบ้านของเขาขอตัวออกไปทำธุระ อาจจะกลับในตอนเช้า นั่นทำให้บรูซหัวเสียเล็กน้อยเนื่องจากเอกสารบนโต๊ะที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จคืนนี้ เขาปิดฝาปากกาหมึกซึมก่อนจะลุกออกจากห้องทำงาน ลงบันไดผ่านห้องนั่งเล่นไป แล้วหยุดยืนอยู่หน้าประตู

บรูซส่องตาแมวที่บานประตูแล้วก็ถึงบางอ้อ สิ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูคือชายหนุ่มที่คุ้นเคยในชุดนอนเสื้อกล้ามและกางเกงขายาว ซุปเปอร์แมนหรือคลาร์ก เคนท์นั่นเอง เสียแต่ท่าทางที่ผิดแปลกไปจากเดิม ดวงตาสีน้ำเงินสดมักจะเปล่งปลั่งตลอด แต่ตอนนี้สิ่งนั้นดูหม่นหมอง สายตาของคลาร์กผลุบต่ำเพื่อมองบนพื้นมากกว่าจะสนใจสิ่งที่อยู่ในระดับสายตาของเจ้าตัว นั่นทำให้จิตใจของบรูซว้าวุ่น เขาจับลูกบิดหมุนเปิดประตูประจันหน้ากับคลาร์ก
“คลาร์ก เกิดอะไรขึ้น นายมาทำอะไรที่นี่ แล้วทำไมนายอยู่ในสภาพแบบนี้เเนี่ย”

บรูซโวยวายเล็กน้อยก่อนจะสังเกตว่าคลาร์กอยู่ในคราบลูกหมาตกน้ำชัดๆ ผมลู่ลงเปียกปอนไปด้วยหยดน้ำพราว เสื้อผ้าเปียกโชกแนบชิดผิวหนัง บรูซพิจดูคนตรงหน้าก่อนจะกลืนคำถามร้อยพันลงในลำคอ เขาตัดสินใจเชื้อเชิญคนตรงหน้าเข้ามาภายในบ้าน

“คลาร์ก เข้ามาก่อนสิ มีแต่ชานะเพราะวันนี้อัลเฟรดไม่อยู่ นายอาจต้องทนเพราะฉันไม่ได้มีฝีมือมาก”

คลาร์กเดินตาบรูซต้อยๆเหมือนร่างไร้วิญญาณ เมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นบรูซก็คว้าผ้าขนหนูแถวๆนั้นยื่นให้ร่างสูงใหญ่

“เอานี่ ฉันจะไปเอาชามาให้ ระหว่างนี้ก็ทบทวนตัวเองเพราะการที่นายมาที่นี่กลางดึกควรมีเหตุผลดีๆซักข้อให้ฉันก่อนจะก้าวเข้าบ้านนะคลาร์ก”

คลาร์กรับผ้าขนหนูมาไว้ในมือ เขาไม่ได้เอาเช็ดตัวแต่เอามาห่มคลุม คลาร์กนั่งชันเข่าขดเข้าหาตัวเองอยู่บนโซฟาหนังสีน้ำตาล ถึงจะดูไม่มีสติแต่คลาร์กมีสติพอจะรู้ว่าเขาไม่ควรนั่งบนโซฟาผ้าเนื้อหรูกลางห้องนั่นเพราะมันทำความสะอาดยาก ระหว่างที่นั่งอยู่นั้นดวงตาของคลาร์กก็เหม่อมองไปไกล บางช่วงเวลาเขาก็ซุกใบหน้าลงกับหัวเข่าแล้วสะอื้นเบาๆ

เมื่อบรูซมาถึงพร้อมกับถุงร้อนและชุดน้ำชาร้อนๆ เขาก็ได้พบกับพฤติกรรมแสนประหลาดของคลาร์กที่เกินเลยจะรับไหว บรูซรีบวางของไว้บนโต๊ะเล็กก่อนจะกุลีกุจอเข้ามาหาคลาร์ก แต่นึกได้ว่าต้องมีถุงร้อนให้ความอบอุ่นคนตัวใหญ่ มือจึงฉวยถุงร้อนเข้ามาไว้แล้วเดินเข้าหาคลาร์กที่นั่งอยู่

“เอานี่ไป ถึงจะไม่ได้เท่าดวงอาทิตย์แต่อากาศและเวลาแบบนี้คงเอาดวงอาทิตย์ให้นายไม่ได้หรอก”

คลาร์กเงยหน้าช้อนตามองสบตากับบรูซก่อนจะยิ้มน้อยๆด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา

“ไม่ คุณคือดวงอาทิตย์ของผมบรูซ ผมต้องการคุณ แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็เทียบคุณไม่ได้”

บรูซมองตาเปลี่ยวเศร้าของคลาร์ก เขาหัวเราะในลำคอเล็กๆ ประโยคที่คลาร์กพูดนั้นสะกิดใจของบรูซจนเขานึกสมเพชตัวเอง ก็เชาน่ะถอยห่างจะดวงอาทิตย์มาไกลมากจนไม่สามารถสัมผัสแสงที่แท้จริงของมันได้แล้ว

“คลาร์ก ฉันหันหลังให้ดวงอาทิตย์มานานแล้ว ฉันเป็นแค่ค้างคาวที่ไม่เคยเฉียดโดนแสงอาทิตย์เลยนายเองก็รู้ แต่นายรู้มั้ย นายนั่นแหละคือดวงอาทิตย์ ให้ความอบอุ่นกับฉัน ความรู้สึกนั้นที่ฉันลืมไปแล้ว…”

“และคุณก็เป็นความหวังของผม ความหวังที่ทำให้ผมเชื่อในมนุษย์”

ใช่ บรูซเป็นแสงแห่งความหวังให้เขา บรูซที่งดงาม แข็งกร้าวแต่กลับอ่อนโยน สายตาที่ไม่ไว้วางใจอะไรเลยแต่กลับเชื่อมั่นในตัวมนุษย์ เชื่อว่าพวกเขายังมีความดีเหลืออยู่ เชื่อว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาส ต่างจากเขาที่เกือบจะหันหลังให้มนุษย์อย่างสิ้นเชิง เกือบจะทอดทิ้งพวกเขาไปเพราะความโกรธ ต่างจากบรูซที่ไม่ว่ายังไงก็ยังเชื่อในตัวพวกเขา ไม่ว่ายังไงก็ยังหยิบยื่นโอกาสให้ตลอด ทุกๆครั้ง ไม่ว่าจะครั้งที่เท่าไหร่ก็ตาม

บรูซที่ขมวดคิ้วมองคลาร์กที่นั่งอยู่ ก่อนจะยัดถุงร้อนในมือให้ร่างที่นั่งขดบนโซฟาโดยกะทันหันก่อนจะหันไปรินชาลงถ้วยสองใบและยื่นมาให้คลาร์ก บรูซขยับตัวนั่งข้างๆคลาร์กแม้รู้ว่ามันจะทำให้เขาเปียกไปด้วย บรูซเอนตัวพิงซบเข้ากับไหล่ของคลาร์กแล้วเอ่ยปากถามเบาๆ

“ฉันหวังว่านายจะมีเหตุผลดีๆที่พูดเรื่องนี้นะ”

คลาร์กเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปากเล่า

“ที่จริงแล้ววันนี้ที่แคนซัสมีพายุอีกแล้ว เหมือนวันนั้นที่พ่อบนโลกของผมเสีย คุณลุงคนหนึ่งวิ่งไปช่วยสุนัขของเขาที่รถแล้วปล่อยให้มันวิ่งมาหาลูกสาวของเขา นั่นทำให้เขาเกือบจะโดนพายุกลืน ทุกฉากเหมือนกับวันนั้นเปี้ยบ คนๆนั้นแก่กว่าพ่อในตอนนั้นเล็กน้อย”

“แล้วนายช่วยเขาได้มั้ยล่ะ หวังว่าฉันจะกำลังฟังเรื่องดีๆอยู่นะ”

“ครับ เขารอดอย่างที่เขาควรจะรอด แต่นั้นทำให้ผมคิดถึงวันนั้น ผมผิดใจกับเขา และ… เอ่อ ผม พูดกับเขาก่อนเขาตายว่า เขาไม่ใช่พ่อจริงๆของผมซักหน่อย หลังจากนั้นก็อย่างที่ผมเล่านั่นแหละ”

“งั้นเหรอ แล้วทำไมนายถึงอยู่ในสภาพนี้ในเวลานี้ล่ะ”

คลาร์กชะงักไปก่อนจะเริ่มสั่นน้อยและหันมากอดบรูซแน่น เขาปล่อยโฮที่ไหล่ของบรูซ นั่นทำเอาบรูซทำอะไรไม่ถูก บรูซตัดสินใจกอดตอบคลาร์ก นั่นทำให้คลาร์กยิ่งปล่อยโฮแรงขึ้นอีก กลายเป็นว่าตอนนี้บรูซแทบไม่กล้าทำอะไรกับอีกฝ่ายเลย มือคาอยู่ที่หลังของคลาร์กนิ่งๆปล่อยให้คลาร์กสงบไปเอง ก่อนเสียงจะเริ่มเบาลงกลายเป็นเสียงสะอื้นเบาๆและนิ่งเงียบไป

“พอใจรึยัง ทีนี้ก็เล่าให้ฉันฟังได้แล้ว”

คลาร์กเปลี่ยนท่าที่เป็นอยู่ เลื่อนมือลงมาโอบที่เอวของบรูซ นอนหนุนลงกับตักของบรูซ ระหว่างที่เล่าก็ช้อนตามองอีกฝ่ายเป็นช่วงๆ

“ที่จริงแล้วผมฝันถึงพ่อน่ะ ไม่ว่าจะตื่นขึ้นมากี่ครั้งหรือล้มตัวลงนอนกี่ครั้งก็สลัดฝันนั้นไม่หลุดเลย ผม ผมเป็นคนทำให้พ่อตาย ผมช่วยเขาไม่ได้ เขาปกป้องผมเกินไป และผมคิดว่าผมไม่สมควรที่เขาปกป้องเอาไว้”

บรูซมองคลาร์กเหนือยๆพร้อมกับเริ่มใช้มือลูบไหล้ใบหน้าและนวดที่ขมับของคลาร์กช้าๆ คลาร์กหลับตารับสัมผัสนิ่มๆอุ่นๆนั้น และกระชับอ้อมแขนรั้งเอวนั้นเข้าใกล้ใบหน้ามากขึ้น บรูซเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นิ่มๆไม่เหมือนทุกครั้ง มันเป็นน้ำเสียงที่ไม่ได้มีไว้ให้ทุกคน มันมีไว้ให้คลาร์กคนเดียว

“นี่คลาร์ก เคนท์ ความฝันน่ะไม่เกี่ยวกับความจริงรู้ใช่มั้ย มันเกิดขึ้นเหมือนที่นายหมกมุ่น แต่ไม่ตรงกับความจริงเลย ในที่สุดแล้วเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าพ่อของนายคิดยังไง และปกป้องนายเพื่ออะไร แต่นายต้องเชื่อมั่นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาก็ปกป้องนายจนนายยืนอยู่ตรงนี้ อย่างน้อยที่เขาปกป้องนายก็เพราะเชื่อว่านายเป็นลูก”

คลาร์กเงยหน้ามองบรูซอีกครั้งพร้อมกับหยดน้ำที่ค่อยๆไหลออกมาออกมาจากดวงตาสีน้ำเงินนั้นไหลคลอผ่านจมูกของคลาร์กที่เมื่อสังเกตดูดีๆแล้วมันแดงเถือกเป็นสีเดียวกันกับรอบดวงตานั้น

“ครับบรูซ ผมรู้ เรื่องนั้นผมรู้ดี แต่ในบางครั้งผมอ่อนแอ ผมไม่อยากยอมรับมัน ที่ผมปล่อยให้เขาตาย”

บรูซพยุงใบหน้าของคลาร์กแล้วประทับจูบที่บริเวณเหนือคิ้วของเขาเบาๆ  แล้วละออก

“การที่นายอ่อนแอไม่ใช่ความผิด อ่อนแอให้พอแล้วเริ่มวันพรุ่งนี้ใหม่ ไม่นานนายอาจจะอ่อนแออีก แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดเหมือนกัน ไม่ว่าจะอ่อนแอกี่ครั้งนายก็ต้องลุกขึ้นมาอีกครั้งรู้มั้ย”

“คุณเข้มแข็งจังบรูซ ทั้งที่ควรจะแข็งกร้าวแต่กลับนิ่มนวล อ่อนโยนขนาดนี้”

“นี่คลาร์ก ฉันไม่ได้เป็นแบบนี้กับทุกคนนะ”

บรูซขู่ฟ่อพร้อมมองค้อนคลาร์กเล็กน้อย คลาร์กที่สะดุ้งทั้งที่ไม่รู้ว่าควรจะเขินอายหรือหวาดกลัวแมวหนุ่มตรงหน้ากันแน่ เขากระพริบตาปริบๆให้กับบรูซ

“ผมรู้บรูซ นั่นผมรู้ดีและผมเป็นเช่นนั้นเหมือนกับคุณ ผมไม่ได้เป็นแบบนี้กับทุกคน เพราะเป็นคุณและเพราะผมรักคุณ”

“นายไม่ควรพูดแบบนี้พร่ำเพรื่อนะ”

บรูซหันหน้าหนีพร้อมใบหน้าขาวที่ขึ้นสีเล็กน้อย เม้มปากแน่นด้วยความเขินอาย นั่นทำให้คลาร์กชอบใจ คลาร์กเริ่มล้วงมือขึ้นไปในเสื้อของบรูซและลูบไล้หลังเปลือยเปล่า นั่นทำบรูซสะดุ้งสุดตัว

“พระเจ้า ออกไปจากตัวฉันแล้วกลับบ้านนายไปได้แล้ว ให้ตายสิ ฉันไม่น่าสนใจนายเลย น่าจะปล่อยในเน่าตายอยู่หน้าบ้าน”บรูซโวยวายพลางเริ่มขยับขาให้หลุดจากการควบคุมของคลาร์ก เงื้อค้างไว้เพื่อขู่อีกฝ่าย

“โอเคๆ ผมขอโทษบรูซ ผมจะไม่ทำอะไรก็ตามที่คุณไม่ชอบใจ”คลาร์กเริ่มคลายมือออกจากเอวของบรูซ แต่ก็ยังโอบไว้หลวมๆ พร้อมกับซบหน้าเพื่อแสดงความพ่ายแพ้

“ขอบใจ แต่ไม่ได้ยกโทษให้หรอกนะ ขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนได้แล้ว โธ่ พระเจ้า ฉันเสียเวลากับเด็กฝันร้ายแบบนายมานานแค่ไหนกันเนี่ย หวังว่าพรุ่งนี้งานจะเสร็จทันนะ นี่ดึกมากแล้ว ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน นายใช้ห้องเดิมที่เคยใช้ได้ตามสบาย…”

“บรูซ ผมอยากนอนกับคุณ”

คำพูดนั้นทำบรูซขมวดคิ้วเป็นปม คนตรงหน้าจะหาเรื่องอะไรมาให้เขาปวดหัวอีกซักกี่น้ำกันนะ

“ไม่มีทางคลาร์ก ฉันเหลืองานเป็นกองต้องสะสาง ไม่มีเวลาว่างแบบนายหรอกนะ”

“ผมสัญญาบรูซ คืนนี้เราจะไม่ทำอะไรกัน ผม ผมแค่อยากมีคุณนอนอยู่ข้างๆ อยากตื่นมาเห็นคุณเป็นคนแรกในตอนเช้า และอยากเป็นคนกล่าวอรุณสวัสดิ์กับคุณเป็นคนแรกของวัน”

บรูซก้มหน้ามองคนตัวใหญ่ที่นอนกอดเอวเขา ถอนหายใจเบาๆ นั่นทำให้คลาร์กสดใสขึ้นมาในบัดดล บรูซรู้ตัวว่าหลายครั้งแพ้ทางให้กับคลาร์ก ไม่ว่าจะเป็นสำนวนเจ้าบทเจ้ากลอนแบบที่คลาร์กมักจะแก้ตัวว่าติดสำเนียงบ้านนอกแล้วใช้มันเป็นข้ออ้างพูดใส่เขาไม่หยุดหย่อน ถ้าบรูซเป็นหญิงสาวซักคนคงจะพอใจกับการมีชายคนนึงพูดพร่ำคำหวานให้ทุกวินาทีแบบคลาร์ก แต่บรูซเป็นชายหนุ่ม เป็นชายหนุ่มคนนึงนั่นหมายความว่าเขาไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรหรือมีผลตอบรับยังไงกับประโยคและคำพูดที่ฟังก็รู้ว่ามันคือคำเกี้ยวพา

“บรูซครับ?”คลาร์กถามขึ้นเมื่อเห็นว่าบรูซเงียบไป หรือเขาอาจจะรุกไล่คนๆนี้มากไปนะ

“งั้นก็ไปอาบน้ำ ฉันจะรอที่เตียง”

ดวงตาสีน้ำเงินสดของชายตัวใหญ่เปล่งปลั่งขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดตรงๆที่นานๆทีจะพูดออกมาจนคลาร์กแทบจะอดกลั้นรอยยิ้มที่เริ่มรุกไล้มาตามมุมปากไม่ไหว บรูซเหลือบตาลงมาสบกับคนข้างล่างที่มองกลับมาก็ได้แต่ค้อนตอบเบาๆเพราะทำอะไรไม่ได้จากการที่ได้ลั่นคำพูดออกไปแล้ว จู่ๆคลาร์กก็คิดขึ้นได้ว่าเขาควรจะพูดตอบรับไปซักคำเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดเข้ารุมเร้า

“ครับ…”

อย่างน้อยคืนนี้..แค่มีคุณอยู่ด้วย

ผมอาจจะสามารถผ่านคืนนี้ไปได้

***************************************

Talk: สวัสดีค่ะ รอบนี้เป็นการขุดของเก่ามาแต่งต่อ(ภาษาหยาบคายเรียกตัดจบ)

ขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับหลายๆคนที่ติดตามAUหมอๆ(ที่หลังๆไม่มีเรื่องการแพทย์เข้ามาเกี่ยวแล้วจ้า เหอๆ)

ในความเป็นจริงตอนที่5(อนุมานว่าจะต้องจบ)ถูกแต่งไปแล้วพอสมควร แต่ดันมีอุปสรรคเกิดขึ้นอย่างระบบเว็บไซต์ของแอพมือถือมันขัดข้อง เคลียร์ของเราไปว่างเปล่าเลย เพราะงั้นตอนนี้เลยได้แต่นั่งยาวไปๆ คิดอะไรไม่ค่อยออกเศร้าใจฮอออ…

พูดฟิคตอนนี้บ้างดีกว่า ไอเดียมันเกิดมาก็นานพอดู สมัยBvSนั่นล่ะ ดูเสร็จก็กลับมาคิดถึงSuperbatที่เคยหวีดสมัยม.ต้น โอ๊ยยรอบนี่เลยยัดรัวๆค่ะ ประโยคจีบที่คิดออก โมเม้นที่นึกขึ้นได้เอามาใช้หมด คิดถึงว่าถ้าตัวเองเป็นคุณบรูซคงจะ…พูดอะไรไม่ออกเลยก็ว่าได้(ตลกตัวเอง)

ก็อ่านเพลินๆระหว่างรอหมอแล้วกันค่ะไม่มีอะไร ฝากติดตามด้วยนะคะ..

4 ความเห็นบน “[Fanfiction] Superbat [Clark kent/Bruce wayne] Feel”

  1. เยียวยาใจบ่าววว ฮืออเจ้าหมาขี้อ้อนไถเข้าสิไปอ้อนเข้าไป! พอโดนไล่ก็บีบน้ำตาใส่เขาคนดีเลยไม่กล้าไล่กลัวเขาเสียใจ ฟฟฟ หญิงชอบมากโลยยยยย<3<3

    ถูกใจ

  2. น่าร้ากกกกก
    เจอหมา(ไม่)น้อยส่งสายตาอ้อนเข้าไปบรูซถึงกับปฏิเสธไม่ลงเลยทีเดียว
    แบบนี้ช่างดีกะใจค่ะ แม้บรูซจะทำงานไม่เสร็จก็ตาม

    ถูกใจ

ใส่ความเห็น