[Fanfiction] Superbat [Clark kent/Bruce wayne] Instant

ฟิคเรื่องนี้เคยลงไปแล้วเว็บนึงแต่เข้ายากมากก็เลยอยากจะย้ายมาไว้ที่นี่นะคะ

****************************************

“ฉันคิดไปเองรึเปล่าชาแซม รู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศไม่ค่อยดีเลย”

“ไม่หรอก ฉันเห็นตั้งแต่วันก่อนแล้วล่ะ ที่นายไม่อยู่น่ะ”

“ได้ไง เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ เกิดอะไรขึ้น”

แบทแมนไม่รู้ว่าเค้าคิดไปเองรึเปล่า แต่เขารู้สึกรำคาญเสียงเจื้อยแจ้วของแฟลชวันนี้สุดๆไปเลย เขาหวังเป็นอย่างมากที่จะให้เจ้ากลุ่มขาเมาท์พวกนั้นหยุดสนทนา ซึ่งเดาไม่ยากว่าเกี่ยวข้องกับเขาเต็มเปาเลย

เหอะ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่เขาโดนแม่สาวน้อยมหัศจรรย์วันเดอร์วูแมนปฏิเสธไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาหรอก แบทแมนเป็นฝ่ายขอเธอเดท เขาน่าจะดูออกตั้งแต่แรกว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว แต่เขาคิดว่าช่างมันเถอะ ไม่คิดว่าเธอจะบอกปัดเขา แบทแมนเผลอคิดไปเองว่าเธอมีใจ แต่ในที่สุดก็ต้องมานั่งกินแห้วแบบนี้ ดูท่าว่าศุกร์นี้จะไม่ใช่วันของเขาแฮะ

แบทแมนทำเป็นเลื่อนนิ้วไปตามหน้าจอดูภาพจากโดรนของเขาที่ติดเอาไว้ทั่วเมืองไปพลางมองหาว่าวันนี้มีอะไรที่ส่งเสริมให้เขากลับบ้านเร็วมั้ย ซึ่งก็มี หมายถึงไม่มีน่ะ ใช่ วันนี้ไม่มีอะไรเลย เว้นแต่โจรกระจอกเล็กๆน้อยๆที่แค่พริบตาเดียวก็สามารถจัดการได้เรียบร้อยแล้ว อาจจะเป็นเพราะพรุ่งนี้เป็นวันขอบคุณพระเจ้าล่ะมั้ง วันครอบครัวใครๆก็อยากจะอยู่กับครอบครัวทั้งนั้น

แบทแมนลุกจากเก้าอี้เงียบๆแล้วแอบปลีกตัวออกมาโดยระวังไม่ให้กลุ่มขาเมาท์พวกนั้นรู้ตัว แต่ก่อนลิฟต์จะปิดเพื่อพาเขาไปที่แบทโมบิล แบทแมนเองก็ต้องแปลกใจเมื่อมีร่างๆหนึ่งวิ่งตามเขามาอย่างรวดเร็ว ฉวยโอกาสตอนที่เขาใช้ความคิดแทรกตัวเขามา

ซุปเปอร์แมน เจ้าเอเลี่ยนหน้ายิ้มที่ในใจไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แบทแมนไม่ค่อยอยากจะสนทนากับใครเท่าไหร่ในเวลานี้ ซึ่งเดาไม่ยากว่าอีกฝ่ายที่เป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ดีเกินเหตุแถมเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างซุปเปอร์แมนต้องอยากชวนใครก็ตามที่อยู่ในลิฟต์คุยแน่นอน

“สวัสดีแบท เอิ่ม นายกำลังจะกลับเหรอ”

“ใช่” แบทแมนเลือกที่จะตอบห้วนๆออกไป เห็นได้ชัดว่าซุปเปอร์แมนแสดงท่าทีอึดอัดออกมา

“งั้นเหรอ… คือ ฉันรู้เรื่องของนายกับไดอาน่าแล้วนะ”

ใครสั่งใครสอนให้แกมากระแทกแผลคนอื่นเค้าเล่นซุปเปอร์แมน!!

“ฉันกับวันเดอร์วูแมน ทำไม?”

“ก็ไม่คิดว่านายจะขอเธอเดท เห็นๆกันอยู่ว่าเธอก็ไม่ได้ว่าง”

“นายกำลังจะเยาะเย้ย หาว่าฉันโง่งี่เง่า..”

“เปล่า ฉันแค่แปลกใจ”

“แปลกใจอะไร?”

“ไม่คิดว่านายจะรุกหนักขนาดนี้น่ะสิ ฉันคิดว่านายอาจจะไว้เชิงแล้วดูท่าทีอีกซักพัก”

แบทแมนถอนหายใจแรงๆอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่รู้สิ เขาคิดว่าดูท่าทีนานแค่ไหนแต่ถ้าเธอไม่ คำตอบนั้นมันก็ไม่มีวันเปลี่ยน ดังนั้น เรื่องของเขา เวลาไม่ใช่ตัวแปรสำคัญเท่าไหร่นัก

“อย่าลืมว่าอย่างน้อยฉันเป็นใครนะ คลาร์ก เคนท์”

“โอ้ ฉันไม่ลืมง่ายๆหรอกคุณเศรษฐีเพลย์บอย”

บางทีเขาเองก็ต้องมานั่งคิดว่าคนที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนจริงๆในลีกส์อาจจะเป็นซุปเปอร์แมนก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แบทแมนเองก็ไม่ได้ต้องการเพื่อนหรอกนะ และถ้าจะถามเขาล่ะก็เขาเองก็ไม่นับซุปเปอร์แมนว่าเป็นเพื่อนหรอก

“ฉันขอตัวแล้วกัน”

“เอ่อบรูซ ถ้าไม่ว่าอะไร คืนวันศุกร์นี้นายว่างมั้ย”

วันศุกร์ ที่จริงก็ว่างนะ เอาจริงๆแล้วมันเป็นวันที่เขาตั้งใจจะพาไดอาน่าไปเดทต่างหากล่ะ ในเมื่อโดนสาวเจ้าปฏิเสธซะขนาดนี้แล้ว เขาเองก็ควรจะ…

.

.

.

“ไม่ว่างหรอก ฉันเองก็มีงานต้องทำนะ”

แล้วแบทแมนก็เดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้ว่าเจ้าเอเลี่ยนนี้มีจุดประสงค์อะไร อย่างน้อยบรูซ เวย์นก็ไม่ใช่ชายหนุ่มที่จะอกหักแล้วต้องให้เพื่อนชายพาไปดื่มย้อมใจหรอกนะ ขอบคุณในความหวังดีหรอก แต่เขาไม่มีทางไปกับเจ้านี่แน่นอน
วันศุกร์

บรูซยืนเลือกหนังสือในชั้นอย่างใจลอย แต่สายตาก็มักจะถูกดึงให้เข้าหาบทกวีรักเป็นพักๆ ดูเหมือนแผลใจจากสาวน้อยมหัศจรรย์นี่บาดลึกพอสมควรเลยนะ เขาหยิบนิยายสืบสวนมาเปิดผ่านๆก่อนจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะอ่านเลยแม้แต่น้อย

บรูซแหงนมองหน้าต่างบานใหญ่ในห้องสมุดของบ้าน ฟ้าข้างนอกเป็นสีม่วงอมน้ำเงิน จะว่าไปตอนนี้ก็ค่ำแล้ว วันนี้ทั้งวันบรูซเองก็ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเหมือนกันแฮะ พรุ่งนี้เขาเองก็ต้องไปทำงานเหมือนเดิมแล้ว บรูซใช้เวลากับอาการเจ็บปวดของตัวเองไม่นานนักหรอกนะ

ดูเหมือนว่าสองสามวันมานี้กอตแธมเองก็สงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งจะจัดการอาชญากรตัวเบ้ไปไม่นานมานี้ กอร์ดอนถึงกับเอ่ยปากด้วยความยินดีที่ไม่ต้องอยู่เวรล่วงเวลามาซักพัก เจ้านั่นถึงกับอารมณ์ดีชวนเขาไปทานมื้อค่ำกับครอบครัวในงานวันขอบคุณพระเจ้าเชียว แต่บรูซเองก็อยากพักผ่อนเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็ปวดกล้ามเนื้อค้างมาหลายวัน ได้พักซักหน่อยก็สดชื่นขึ้นเยอะ รวมถึงการสมานแผลใจที่ใหม่เอี่ยมอีกด้วย
ตื้ดดดดดดด ตื้ด ตื้ดดดดดดด ตื้ด

จู่ๆโทรศัพท์มือถือของบรูซก็สั่นขึ้นในกระเป๋ากางเกง บรูซมองหน้าจอซักพักก่อนจะกดรับสายด้วยความไม่สบอารมณ์นัก

“สวัสดี โทรมามีธุระอะไร คลาร์ก เคนท์”

“สวัสดีบรูซ คือ ฉันโทรมาเพื่ออยากจะคอนเฟิร์มว่านายจะไม่ไปกับฉันในคืนนี้จริงๆเหรอ”

“คุณเคนท์ ฉันว่าฉันไม่ใช่คนพูดอะไรเข้าใจยากนะ”

“คือ ถ้าให้พูดจริงๆ ฉันอยากให้นายมานะบรูซ”

“แล้วถ้าฉันไม่อยากไปล่ะ?”

“ฉันก็จะไม่บังคับนาย จะไปรับเดี๋ยวนี้ล่ะ”

ไอ้เจ้าบ้า อย่ากลืนน้ำลายตัวเองในทันทีแบบนั้นสิเฮ้ย!!!

ไม่กี่นาทีบรูซก็ได้เห็นคลาร์กในชุดไปรเวทลอยอยู่อีกฟากของหน้าต่าง พวกเขาทั้งคู่สบตากันก่อนบรูซจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมๆกับเปิดหน้าต่างที่ใกล้พวกเขาทั้งคู่มากที่สุดออก

“คลาร์ก ฉันว่าฉันเองก็พูดชัดแล้วนะว่าไม่อยากไป สิ่งที่นายทำอยู่คือการกดดันฉัน”

“เอาน่า มากับฉันแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง นะ..”

บรูซเหล่มองคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยไว้ใจ คลาร์กมองภาพตรงหน้าอย่างนิ่งเกร็ง แต่ซักพักก็เห็นว่าบรูซเองก็ดูอ่อนลงมากทำให้คลาร์กตัดสินใจคว้าร่างตรงหน้าหมับพร้อมทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความรวดเร็ว ทำเอาบรูซที่ตามไม่ทันต้องจิกบ่ากว้างเป็นที่ยึดเกาะอย่างแรง

เมื่อได้สติแล้วบรูซก็เริ่มเปิดปากพูด

“มาถึงขนาดนี้แล้วจะยอมไปกับนายก็ได้ แต่ถ้านายคิดว่าจะพาฉันไปบาร์เพื่อดื่มปลอบใจฉันล่ะก็ ฉันจะวิ่งออกมาโบกแท็กซี่กลับทันทีเลยนะ เข้าใจมั้ย?”

คลาร์กแอบอมยิ้มให้กับความคิดพิเรนท์ๆของคนตัวเล็ก บรูซจะว่าอะไรมั้ยถ้าเขาเองคิดมากกว่านั้น

พวกเขาทั้งคู่มาหยุดลงที่เกาะๆหนึ่ง คลาร์กค่อยๆวางบรูซลงบนหาดทรายขาว คืนนี้แสงจันทร์สว่างเป็นสีนวลแทนแสงไฟขับให้ผิวของคนตรงหน้าคลาร์กแทบจะเปล่งแสง คลาร์กแอบจ้องเสี้ยวใบหน้าที่นิ่งงันแต่แฝงไปด้วยความประหลาดใจ

“เดี๋ยวคลาร์ก นายเล่นแบบนี้เลยเหรอ นี่ไม่กะให้ฉันหนีเลยใช่มั้ย”

“ตามนั้น”

คลาร์กตอบสั้นๆพร้อมกับค่อยๆล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้และฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี มือหนาล้วงเจอของที่ต้องการก็ยื่นมาให้เขาตรงหน้า

แก้วช็อต??

พระเจ้าช่วย ไอ้เอเลี่ยนนี่ทำแบบเดียวกับที่เขาคิดเอาไว้เลย อ้อใช่สิ ดื่มย้อมใจในบาร์มันธรรมดาเกินไปสินะ ต้องมาดื่มย้อมใจที่ชายทะเลในเกาะอะไรก็ไม่รู้เนี่ย

“อย่างที่นายคิดเลยบรูซ ดื่มที่บาร์มันธรรมดาเกินไป”

คลาร์กตอบพร้อมกับค่อยๆเทเหล้าเข้าไปในแก้วที่บรูซถือค้างอยู่ในมือ

“มันน่าขยะแขยงนะคลาร์ก เลิกมาอ่านความคิดคนอื่นเค้าซักทีเถอะ แค่ยอมให้นายใช้ตาเอ็กซเรย์เวลาบาดเจ็บนั่นก็เกินทนแล้วล่ะ”

บรูซตวัดสายตามองร่างสูงตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจกระดกของในแก้วจนหมดในครั้งเดียวและโยกแก้วหลบปากขวดของคลาร์กที่เข้ามาจรดแก้วที่ปากแก้วของเขาแทบจะทันที

“ไม่เติมหรอก ฉันไม่อยากเมาและพล่ามอะไรไร้สาระ”

ก่อนจะวางแก้วในมือลงบนพื้นทรายหยาบข้างตัวแล้วบิดขี้เกียจน้อยๆ

“ทำไมนายถึงคิดว่านายจะเมาล่ะ คอแข็งอย่างนายแค่ขวดนี้ขวดเดียวนายคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว”

เมื่อไปฟังดังนี้บรูซก็หัวเราะหึในลำคอดังๆและตอบไป
“อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าระบบเผาผลาญนายดีแค่ไหนคลาร์ก ฉันไม่หลงกลนายหรอก เดาว่าทั้งชีวิตนายคงไม่เคยเมาล่ะสิท่า”

คลาร์กยักไหล่

“ก็ไม่ค่อยได้ดื่มน่ะ รึไม่ก็ดื่มน้อยๆเท่านั้นเอง”

“ดังนั้น ขวดนั้นทั้งขวด รวมถึงอีกหลายๆขวดในกระเป๋านายก็รบกวนจัดการเองเถอะ อย่างที่ฉันพูด ถ้านายพาฉันมาดื่มย้อมใจล่ะก็ฉันจะกลับบ้าน”

บรูซตั้งท่าจะกดโทรศัพท์ในมือก่อนจะถูกคลาร์กขัดเอาไว้

“เดี๋ยวสิบรูซ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเยอะเย้ยนายเรื่องไดอาน่าแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่านายจริงจัง ฉันเองก็คิดว่าไม่ควรปล่อยนายอยู่คนเดียว อย่างน้อยถ้านายมีคนให้ระบาย…”

“ฉันจะไม่พล่ามอะไรไร้สาระคลาร์ก ฉันไม่ใช่คนพวกที่ผิดหวังในความรักแล้วเจ็บเจียนตาย จำเอาไว้”

บรูซขู่ฟ่อ เขาเกลียดทัศนคติของพวกที่ผิดหวังในความรักแล้วฆ่าตัวตาย ความรักอะไรนั่นจะไปสำคัญกว่าชีวิตตัวเองได้ยังไงกันล่ะ จิตแพทย์มีก็ไม่ไปหา แย่ชะมัด

“ไม่บรูซ ฉันไม่ได้กลัวนายฆ่าตัวตาย ฉันแค่ไม่อยากให้นายเก็บมันไว้คนเดียว”

สายตาแน่วแน่ของร่างสูงสะดุดตาบรูซเป็นอย่างมาก คลาร์กส่งสายตามาเป็นทำนองว่าเขาเป็นห่วงคนตรงหน้าจริงๆนะ ในขณะที่บรูซเองก็ส่งสายตาตอบกลับไปว่า เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของนาย เลิกยุ่งเรื่องนี้ซักทีเถอะ
“บรูซ ที่จริงแล้วฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องบอกนายนะ”

บรูซกะพริบตาปริบๆเมื่อคนตรงหน้าเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหันแทบจะไม่ทันได้ตั้งตัว

“รีบๆพูดมาก่อนฉันจะตัดสินใจกลับ”

คลาร์กสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยประโยคด้วยโทนเสียงเบา แต่กลับได้ยินชัดแจ๋วเมื่ออยู่ต่อหน้าความมืด ดวงจันทร์และชาดหาด

“ฉันรักนาย รักนายมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันฉันไม่เคยสลัดภาพนายออกจากหัวได้เลย”

บรูซนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
เอาจริงเหรอ เจ้านี่คิดว่าฉันไม่รู้เรื่องนี้เหรอ
อย่างแรก ทุกคนในลีกส์รู้เรื่องนี้ รวมถึงเขาด้วย

อย่างที่สอง เขาตามไปกำชับกับกลุ่มขาเมาท์ แฟลช แลนเทิร์นและชาแซมห้ามพูดเรื่องนี้

และอย่างสุดท้ายคือ ก็ไม่ได้ดูถูกนะ แต่บรูซประหลาดใจพอสมควรที่คลาร์กบอกมันกับเขา เขาคิดไปล่วงหน้าแล้วว่าคลาร์กจะฝังมันไปกับหลุมศพตัวเอง

ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เขาไม่เคยนึกถึงเรื่องที่จะต้องมาอยู่ในสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนแบบนี้ ที่จริงแล้วบรูซเองก็ลำบากใจเล็กน้อยที่คลาร์กรู้เรื่องของเขากับวันเดอร์วูแมน ในใจลึกๆเขาก็แอบเป็นห่วงร่างสูงตรงหน้า ของขวัญวันคริสมาสต์ที่เขาปฏิเสธทุกปีจะถูกส่งมาวางที่ข้างหน้าต่าง เหลือเพียงวันวาเลนไทน์ที่คลาร์กยังไม่เคยให้ของขวัญเขาอย่างโจ่งแจ้งเท่านั้น ทำให้บางเวลาบรูซเองหลงลืมไปว่าคลาร์กรู้สึกยังไงกับเขา

แต่เหตุการณ์ตรงหน้าเป็นสิ่งยืนยันว่าความรู้สึกคลาร์กไม่เคยเปลี่ยน ทำเอาบรูซนึกถึงคำพูดของวันเดอร์วูแมน

‘ขอบคุณสำหรับความรู้สึกนะบรูซ แต่ฉันเองก็มีคนรักอยู่แล้ว’

‘ไม่สนใจจะเดทด้วยกันซักครั้งจริงๆเหรอ’

‘ไม่ล่ะแบท สตีฟเป็นคนอ่อนไหว เขาคงรับไม่ได้ถ้าฉันทำแบบนั้น’

‘โอเค ฉันเข้าใจแล้ว’ แบทแมนผลุบตาลงต่ำด้วยความผิดหวัง

‘เธอไม่สนใจจะลองเดทกับซุปเปอร์แมนดูเหรอ เขาเป็นคนดีนะ’

‘อา ฉันไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลย แต่ถ้าเขาเอ่ยปากอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้ เว้นแต่เธอจะเดทกับฉันซักครั้ง’แบทแมนยกยิ้มยั่วหญิงสาวตรงหน้า หวังเพียงว่าเธอจะชายตามองเขาบ้างแม้เพียงเล็กน้อย

‘โทษทีนะแต่ฉันไม่ได้โสดแบท อีกอย่างคือเดิมพันเรื่องคลาร์ก ฉันลงข้างเดียวกับชาแซมคือสมหวัง ดังนั้นฝากด้วยนะจ้ะ’แล้วหล่อนก็เดินหันหลังจากไป ทิ้งให้ชายหนุ่มในชุดค้างคาวมองตามอย่างอึ้งๆ

หลังจากนั้นเขาเองก็ไม่ได้เอาคำพูดของวันเดอร์วูแมนมาคิดแล้วก็เลือกที่จะลืมมันไปเลย ไม่บ่อยครั้งที่บรูซจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียมพร้อม แต่เขาเองก็ไม่ได้จนมุม
“แล้วนายต้องการอะไร”

คลาร์กที่มีเลือดฝาดขึ้นเต็มใบหน้า หลังจากเอ่ยความในใจไปยาวเหยียดก็สะดุ้งเล็กน้อยกับคำถามห้วนๆของอีกฝ่าย แต่เขาเองก็ไม่ได้โกรธอะไร อาจเป็นเพราะรู้จักกับบรูซมานานทำให้รู้ว่าลักษณะการพูดแบบนั้นเป็นเอกลักษณ์ของบรูซเอง

“ก็ไม่อะไร แค่สนใจว่านายจะเดทกับฉันดูซักครั้งมั้ย”

บรูซแค่นหัวเราะและหันหน้าหนีสายตาร้อนแรงของคลาร์ก เขากอดอกแน่นแล้วค่อยๆเสยผมอย่างขัดใจ

“ขอโทษทีนะ แต่ถ้าจำไม่ผิดฉันเองก็เพิ่งถูกปฏิเสธนะ การจะให้ตอบตกลงทันทีนี่มันคงเป็นอะไรที่.. ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลา”

“ฉันรู้ แค่นายเก็บเอาไปคิดซักนิดฉันก็พอใจแล้วล่ะ”

บรูซแปลกใจคนตรงหน้าเล็กน้อย บทจะเอาแต่ใจบางครั้งเขาก็สู้ไม่ได้ แต่พอบทจะยอมรับก็ดูยินยอมพร้อมใจไม่ขัดอะไรเขาเลย คงจะเป็นข้อดีล่ะมั้ง
บรูซเปลี่ยนจากท่ายืนกลายเป็นทิ้งตัวนั่งบนพื้นทรายอย่างแรงและหยิบแก้วที่วางอยู่เอามาถือไว้ในมือ พร้อมกับยื่นไปตรงหน้าคนตัวใหญ่ที่ยังยืนคร่อมหัวเขาอยู่

“จะมองอีกนานมั้ย จะยอมดื่มเป็นเพื่อนนายก็ได้คืนนี้น่ะ เนื่องด้วยฉันเองก็ไม่อาจให้คำตอบกับนายได้ทันที นี่อาจจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วล่ะ”

คลาร์กค่อยๆแปรยิ้มกว้างออกมา ให้ตายเถอะ บรูซของเขาใจดีที่สุดเลย ภายในหน้ากากที่เรียบเนียนคล้ายกับไร้ความรู้สึกนั้น ภายในกลับอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่ตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด

“ไม่กลับบ้านแล้วเหรอ”

“หรือว่านายอยากให้ฉันกลับกันล่ะ” บรูซยกยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกชั่งในใจ

“ไม่หรอก ฉันอยากให้นายนั่งอยู่ด้วยต่างหาก”

คลาร์กไม่ตอบอะไร บรูซก็ไม่พูดอะไร พวกเค้าทั้งคู่ปล่อยให้ช่วงค่ำคืนค่อยๆก้าวเดินไปอย่างช้าๆ มีบ้างบางช่วงที่คลาร์กลอบสังเกตสีหน้าของคนตัวเล็กข้างๆ ใบหน้าของบรูซที่มองจากด้านข้างขับให้สันจมูกของบรูซโด่งเป็นสันและปลายที่เชิดน้อยๆแสดงให้เห็นถึงความรั้นของเจ้าของ

เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานและแสนสั้นไปพร้อมๆกันจนบรูซเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็ไม่เคยได้ใช้เวลากับใครซักคนอย่างยาวนานและสงบเงียบแบบนี้มาก่อน แต่การที่เขายอมใช้เวลาไปกับคลาร์กไม่ได้หมายความว่าเขาเองรู้สึกถูกใจอะไรกับอีกฝ่ายมากนักหรอก เพียงแค่เขาคงปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียวตอนนี้ไม่ได้ เหมือนกันกับตัวเขาเองที่คิดว่า ในเวลาที่หัวใจบอบช้ำ การได้ใช้เวลากับใครซักคนเองก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก
แต่เวลาที่ยาวนานและแสนสั้นนั้นก็ถูกขัดจังหวะขึ้นโดยคนตัวเล็กกว่าจนได้

“ฉันคิดว่าได้เวลากลับแล้วล่ะ รบกวนช่วยพาไปส่งหน่อยสิ”

“จะให้ฉันไปส่งจริงๆเหรอ”

คลาร์กพูดด้วยความฉงน เขาคิดว่าบรูซจะไม่อยากให้เขาไปส่งเพราะความลำบากใจเสียอีก

“นายพาฉันมาก็รับผิดชอบโดยการพากลับหน่อยสิ เจ้าโง่นี่!!”

“อ โอเค ไม่มีปัญหา”

คลาร์กพาบรูซกลับมาส่งที่ระเบียงห้องนอน เพียงบรูซคิดว่าขากลับคลาร์กใช้เวลาไปมากกว่าขาไป แต่ก็สลัดความคิดนั้นออกไปเพราะเจตนาในการคิดมันดูหลงตัวเองเกินไป ก่อนที่จะคลาร์กจะของแยกตัวกลับไป เขาก็หันกลับมาหาบรูซ

“นี่บรูซ”

“หืม?”

“ขอมือหน่อยสิ”

บรูซหงายฝ่ามือยื่นออกไปตรงหน้า ในใจคิดเพียงว่าอย่าให้เจ้าเอเลี่ยนเล่นตลกอะไรกับเขาแล้วกัน สายตาเพ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดระแวงถูกส่งตรงมายังบุรุษร่างใหญ่ เขาแอบยิ้มในใจเพราะการเล่นสนุกที่เขาคิดมันคงเป็นอะไรที่กวนใจบรูซมากไม่ใช่น้อย

คลาร์กค่อยๆใช้อุ้งมือหนาโอบรอบฝ่ามือที่ถูกส่งมาตรงหน้าพร้อมกับค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆกับดวงหน้าของคนตัวเล็กกว่า สายตาของทั้งคู่ถูกบังคับให้จดจ้องประสานกันโดยร่างสูง เขายื่นหน้าเข้าใกล้บรูซมากขึ้น บรูซเองก็พยายามที่จะยืดตัวหนี
ชั่วพริบตา คลาร์กฉวยโอกาสพลิกฝ่ามือที่หงายมาตรงหน้าเขาให้คว่ำลงและประทับจูบลงไปหลังฝ่ามือนั้นหนักๆทำเอาบรูซตั้งตัวไม่อยู่
“ไอ้ ไอ้เอเลี่ยน…”บรูซขมวดคิ้วใส่จนเป็นปม เขาพยายามจะคว้าตัวจอมพลังเอาไว้ แต่ดูเหมือนคลาร์กเองก็รู้ตัวและวางแผนมาดี คลาร์กลอยข้ามระเบียงออกไปไกลเกินมือเขาจะเอื้อมถึง

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับบรูซ”คลาร์กส่งยิ้มยิงฟันให้บรูซอย่างมีความสุขจนออกนอกหน้า

“อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้ฉันมากกว่านี้เลย!!”บรูซพูดเสร็จก็หันหลังเดินเข้าห้องไป

แต่ก่อนทั้งสองจะแยกจากกันจริงๆบรูซเองก็เผลอตัวยื่นหน้าออกจากกรอบประตูมา ซึ่งการกระทำนั้นทำให้ต้องสบตากับคลาร์กที่ยังยื่นส่งอยู่ บรูซถึงกับเปิดม่านแล้วยื่นหน้าออกมาจังๆ

“จะไปไหนก็รีบไปเลยคลาร์ก เบื่อจะเห็นหน้านาย!!”

“แต่ผมไม่เบื่อหน้าคุณนะ..”คลาร์กเอียงคอพูดและยังติดยิ้มที่น่าหมั่นไส้อยู่

“ถ้านายไม่รีบไปเดี๋ยวนี้ฉันไม่รับรองความปลอดภัยให้นายหรอกนะ”บรูซพูดพลางทำเป็นป่ายปัดมือไปตามลิ้นชักอย่างช้าๆ นั่นทำให้คลาร์กสะดุ้งโหยงเพราะความลับที่คนตรงหน้ามีคลาร์กเองก็ไม่แน่ใจว่าแม้แต่เขาจะเอาชนะได้มั้ย คลาร์กจึงจำเป็นต้องหันหลังพุ่งตรงกลับบ้านทันที แต่ก่อนจะจากลากันจริงๆคลาร์กเองก็ไม่วายหันกลับมาอีก

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ”แล้วคลาร์กก็หายไป ทิ้งไว้เพียงคลื่นลมแรงที่ตีจนม่านโบกสะบัดข้างตัวบรูซ ร่างเพรียวมองตามเส้นทางที่คลาร์กน่าจะตรงไปซักพักก่อนจะหันกลับเข้าตัวบ้านด้วยเนื้อตัวที่เหนื่อยอ่อนพลางคิดถึงใบหน้าสันคมที่ยิ้มแฉ่งน่าหมั่นไส้

“เฮอะ.. ไอ้เอเลี่ยนเอ้ย”

.

.

.

โชคดีจริงๆที่บรูซไม่ได้ส่องกระจกเพื่อมองหน้าตัวเอง เขาไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำหน้าอย่างไรอยู่

ใส่ความเห็น